ลำไส้แปรปรวน หรือ โรค IBS เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะด้วยอาการที่มักเกิดขึ้นทุกเมื่อและเกิดซ้ำได้บ่อยครั้ง ไม่หายขาด ผ่านอาการท้องผูก ท้องเสีย การขับถ่ายเปลี่ยนไป ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตจนถึงขั้นหยุดชะงัก
ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ชวนเรียนรู้ถึงการทำงานของระบบทางเดินอาหารและลำไส้ ว่าทำไมถึงเกิดภาวะลำไส้แปรปรวนขึ้นได้ อาหารและพฤติกรรมใดที่ควรเลี่ยง และการสังเกตตนเอง
ลำไส้ สำคัญอย่างไร?
ลำไส้ มีหน้าที่ในการลำเลียง ดูดซึมและย่อยอาหารเพื่อประโยชน์แก่ร่างกาย สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ลำไส้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเองค่ะ โดยไม่ต้องได้รับการสั่งการจากสมอง และบางทีสารเคมีบางอย่างก็ถูกสร้างจากลำไส้ไปส่งกลไกให้สมองทำงานอีกด้วย ลำไส้จึงถูกขนานนามว่าเป็น ‘สมองลำดับสองของร่างกาย’
เมื่อมีการรับประทานอาหารไม่ว่าจะเป็น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ถูกลำเลียงเข้าสู่ลำไส้แล้ว ลำไส้จะคัดแยกสารอาหารได้เองทันที และดูดซึมต่อไปยังอวัยวะอื่นๆ ที่ต้องการพลังงานจากสารอาหารนั้น หรือหากสิ่งนั้นเป็นอันตรายต่อร่างกาย ก็เปรียบได้กับเป็นตำรวจตรวจจับและขับพิษออกจากร่างกายให้ทันทีผ่านอาการท้องเสีย
สารเคมีบางอย่างก็ถูกสร้างจากลำไส้ไปส่งกลไกให้สมองทำงานอีกด้วย ลำไส้จึงถูกขนานนามว่าเป็น ‘สมองลำดับสองของร่างกาย’
ลำไส้แปรปรวน คืออะไร?
โรคลำไส้แปรปรวน หรือ IBS (Irritable Bowel Syndrome) คือโรคที่ลำไส้ส่วนปลายมีการทำงานที่ผิดปกติ นั่นก็คือปลายลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องร่วมกับการขับถ่าย เมื่อเกิดขึ้นแล้วมีความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นภาวะเรื้อรังไม่หายขาด
ปัจจุบันภาวะลำไส้แปรปรวนมีผู้ป่วยในไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มากเป็นลำดับ 2 รองจากไข้หวัด พบว่ามีถึง 10-20% ของประชากรทั่วไป แต่มีเพียง 15% เท่านั้นที่เข้ารับการรักษา สามารถพบได้ในทุกช่วงวัย แต่ช่วงวัยทำงานมีความเสี่ยงมากที่สุด (20-30 ปี)
“ท้องเสีย ท้องผูก บ่อยครั้งอาจเป็นลำไส้แปรปรวน”
อาการแบบไหนเรียกลำไส้แปรปรวน
ปวดท้องอย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
ปวดท้องทั้งก่อนและหลังถ่ายหนัก
ขับถ่ายผิดปกติไปจากเดิม เช่น จากขับถ่ายวันละครั้ง เป็น 2-3 วันครั้ง และมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
มีอาการปวดท้องน้อย ปวดเกร็ง ปวดมาก ปวดน้อยไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง
ท้องอืด แน่นท้อง มีลมมากในท้อง เรอบ่อยๆ อาจมีอาการ 3 เดือน - 1 ปีที่ผ่านมา
ทำไมเราถึงเป็นลำไส้แปรปรวน?
สาเหตุของโรค IBS ยังไม่ถูกพบอย่างแน่ชัดว่ามาจากการอักเสบหรือเนื้องอกบริเวณลำไส้ แต่ที่แน่ชัดคือมีการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบที่ลำไส้ค่ะ และเกิดได้จากปัจจัยสำคัญต่างๆ ดังนี้
การบีบตัวหรือการเคลื่อนที่ของลำไส้ผิดปกติ - ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก - เกิดจากการหลั่งสารหรือฮอร์โมนในผนังลำไส้ผิดปกติ
ผนังลำไส้ถูกกระตุ้นผิดปกติหรือไวต่อสิ่งเร้า - ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก ลำไส้มีการเคลื่อนตัวและบีบตัวมากกว่าปกติ - ถูกกระตุ้นจากการรับประทานอาหาร หรือความเครียด วิตกกังวล เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
การควบคุมการทำงานระหว่างประสาทรับความรู้สึก ระบบกล้ามเนื้อของลำไส้และสมองผิดปกติ - สารที่ควบคุมการทำงานหลายชิดและทำหน้าที่แตกต่างกันเกิดผิดปกติ
การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร - มีการค้นพบว่าในผู้ป่วยลำไส้แปรปรวนมีชนิดแลละจุลินทรีย์ที่ต่างออกไป
พันธุกรรม - มีการค้นพบว่าหากบุคคลในครอบครัวมีอาการป่วยเป็นลำไส้แปรปรวนจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า
“เพศหญิงมีความเสี่ยง IBS มากกว่าเพศชายถึง 2 เท่า”
ปรับอาหารลดควาามเสี่ยงปัญหาลำไส้
ลดการรับประทานเนื้อสัตว์หรือไข่ เพราะเป็นโปรตีนย่อยยาก เน้นโปรตีนย่อยง่ายจำพวก เต้าหู้ ถั่วเหลือง เนื้อปลา
หลีกเลี่ยง หรือลดการทานอาหารประเภททอด ของมัน
ปรับการรทานเบเกอร์รี่ให้น้อยลง เพราะอุดมไปด้วยนม และเนย
รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรอดอาหารและทานอาหหารอย่างเร่งรีบ
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม เพราะอาจทำให้เกิดการกระตุ้นเพิ่มขึ้น
เน้นรับประทานอาหารที่มีกากใย เช่น ถั่ว ธัญพืช ผัก ผลไม้ สนับสนนุนการขับถ่ายสสะดวกมากขึ้น
เสริมโยเกิร์ต นมเปรี้ยวเป็นประจำทุกวัน เพิ่ม Probiotic แบคทีเรียชนิดดีให้แก่ลำไส้ ช่วยสร้างสมดุล ลดการอักเสบของลำไส้ และสนับสนุนการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
อาการลำไส้แปรปรวนมักเกิดขึ้นได้ง่ายและหลายปัจจัยร่วม ทั้งยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดถึงความเสี่ยง จึงควรสังเกตพฤติกรรมการขับถ่ายและสุขภาพลำไส้ตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
แต่ถึงอย่างนั้นลำไส้แแปรปรวนก็บ่งบอกได้ยาก แค่อาการท้องเสีย ท้องผูก การขับถ่ายไม่สามารถการันตีได้มากพอ ต้องตรวจผนังลำไส้อย่างละเอียดร่วมกับสารหรือฮอร์โมนที่ส่งผลต่อระบบการทำงานของลำไส้จึงจะรู้ผลและเฝ้าระวังได้ทัน
ลดปัจจัยเสี่ยงลำไส้แปรปรวนผ่านการตรวจ Urine Organic Profile Test
ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก มีแนวทางการรักษา พร้อมตรวจวิเคราะห์กรดอินทรีย์ในปัสสาวะ มากกว่า 50 ชนิด ที่ช่วยป้องกันการเสียหายของลำไส้แบบล่วงหน้าและทันท่วงทีด้วยการตรวจ Urine Organic Profile Test
ตรวจ Urine Organic Profile Test เหมาะกับ
ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบการเผาผลาญ
ผู้ที่ร่างกายไม่สามารถขับสารพิษได้
กลุ่มอาการอ่อนล้าเรื้อรัง หรือ Adrenal fatigue
ผู้ที่น้ำหนักขึ้น ลง แบบไม่มีสาเหตุ
ผู้ที่มีความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร และการขับถ่ายเป็นประจำ
ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ป่วยง่าย หรือ ป่วยบ่อย
ผู้ที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ รวมถึงอาการทางจิต ระบบประสาทต่างๆ
ประโยชน์ของ Urine Organic Profile Test
กระบวนการเผาผลาญไขมัน (Fatty Acid Metabolism) : บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบการเผาผลาญไขมันและกรดไขมัน ที่ส่งผลให้ควบคุมน้ำหนักได้ยาก
กระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต : ตรวจการทำงานของวงจรคีโตซิส หรือ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตมาเป็นแหล่งพลังงานหลักได้
การเสียสมดุลของลำไส้ : การตรวจหาแบคทีเรีย หรือ เชื้อรา ในลำไส้ที่มากเกินกว่าปกติ จนทำให้ลำไส้เสียสมดุล
การทำงานของ Vitamin B : การตรวจดูการทำงานของวิตามินบีนั้นปกติ และทำงานเผาผลาญอย่างมีประสิทธิภาพอยู่หรือไม่ ในระดับเซลล์
ตรวจสมดุลการสร้างสื่อประสาท (Neuro Transmitter) : ตรวจการสร้างฮอร์โมนจำพวกโดปามีน เซโรโทนีน ที่เป็นฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตชั้นใน ที่มีส่วนสำคัญในการการควบคุมอารมณ์ความรู้สึก และระบบภูมิคุ้มกัน
เตาผลิตพลังงานเสื่อมสภาพ (Mitochondria Dysfunction) : ตรวจไมโตคอนเดรียในร่างกาย ที่เปรียบเหมือนเตาผลิตพลังงานของเซลล์
ภาวะเครียดออกซิเดชั่น (Oxidative Stress) : บ่งบอกภาวะการไม่สมดุลของสารต้านอนุมูลอิสระ หากร่างกายบริโภคไขมันมากเกินไปจนเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายมากขึ้น ภาวะการไม่สมดุลนี้จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย
ความสามารถในการขจัดสารพิษ (Detoxification) : ตรวจดูประสิทธิภาพของตับและสำไส้ในการกำจัดสารพิษและดูดซึมอาหาร
Comments