ฮอร์โมนสำคัญกับทุกช่วงวัย ถ้าหากฮอร์โมนไม่สมดุล จะส่งผลเสียต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น ผิวแห้งกร้าน ผิวมีริ้วรอย ประจำเดือนมาไม่ปกติ อารมณ์แปรปรวน ระดับพลังงานลดลง คุณภาพการนอนลดลง ดังนั้นคุณผู้หญิงทั้งหลายควรให้ความสำคัญกับการเสริมวิตามินหรือรักษาระดับฮอร์โมนให้สมดุลอยู่เสมอ
ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับเพศหญิง คือ
ฮอร์โมนเอสโตเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมหมวกไตและรังไข่ มีหน้าที่ในการผลิตเซลล์ไข่ การตกไข่ การสร้างตกขาว การสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน และยังช่วยควบคุมการมีประจำเดือน รักษาสภาวะทางอารมณ์ เสริมสร้างกระดูก กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) สร้างขึ้นสร้างจากต่อมหมวกไตและรังไข่ เหมือนกันกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) โดยจะมีหน้าที่ที่คล้ายกันในการควบคุมการตกไข่และมีประจำเดือน แต่จะแตกต่างกันตรงที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะส่งผลในด้านสรีระมากกว่าเช่น ผิวเนียนนุ่ม, มีหน้าอก มีทรวดทรงเอวคอด และในด้านของอารมณ์ที่ส่งผลให้เกิดความเรียบร้อย อ่อนหวาน อ่อนไหวง่าย ตามสไตล์ผู้หญิง
ฮอร์โมน FSH (Follicular stimulating hormone) ถูกสร้างมาจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Anterior Pituitary) หรืออะดิโนไฮโปไฟซิส (Adenohypophysis) โดยทำหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของไข่ ส่งผลต่อการเป็นประจำเดือน และการตั้งครรภ์
ฮอร์โมน LH (Luteinizing hormone) ถูกสร้างขึ้นที่ต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) มีหน้าที่กระตุ้นให้ไข่ตกในทุกๆรอบเดือน โดยฮอร์โมน LH จะหลั่งออกมาในช่วงที่ไข่สมบูรณ์แล้ว (หลังการหลั่งของฮอร์โมน FSH) ฮอร์โมน LH จะทำให้ไข่สุกเพื่อรอการปฏิสนธิจากอสุจิ และยังมีผลต่อการหลั่งของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่ส่งผลให้เกิดประจำเดือนอีกด้วย
ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) แม้เป็นฮอร์โมนเพศชาย แต่ก็มีความจำเป็นในผู้หญิง เพราะจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อ รักษามวลกล้ามเนื้อ รักษาสมดุลของระบบเผาผลาญ ส่งผลต่อความแข็งแรงของกระดูก ลดไขมันสะสมในร่างกาย รวมไปถึงอารมณ์ทางเพศของเพศหญิง และยังช่วยเสริมระบบการทำงานของหัวใจ หลอดเลือด ระบบประสาท สมองและความจำ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคเบาหวาน มะเร็งเต้านม และช่วยเรื่องการนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในผู้หญิงจะถูกผลิตจากรังไข่ ต่อมหมวกไต เซลล์ไขมัน และเซลล์ผิวหนัง
ฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin : PRL) จะผลิตจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า เป็นฮอร์โมนกลุ่มโปรตีนมีโครงสร้างคล้ายกับโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ประกอบด้วย อะมิโนแอซิด (Amino Acid) เมื่อตั้งครรภ์ระดับโปรแลคตินจะเพิ่มสูงขึ้นเพื่อการสร้างและผลิตน้ำนม และช่วยควบคุมวงจรการตกไข่ของผู้หญิงอีกด้วย
ฮอร์โมน hCG (Human Chorionic Gonadotropin) เป็นฮอร์โมนที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ เพราะเป็นฮอร์โมนที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเซลล์ของรก มีหน้าที่ช่วยให้ตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูกได้ดีขึ้น โดยระดับของฮอร์โมน hCG จะเริ่มพบหลังจากผ่านการปฏิสนธิได้ประมาณ 11 วัน และจะเริ่มสูงขึ้นในช่วง 1-3 เดือนแรก โดยฮอร์โมน hCG จะเกิดขึ้นได้เฉพาะตอนที่ผู้หญิงกำลังตั้งครรภ์เท่านั่น
ฮอร์โมนไม่สมดุลส่งผลเสียอย่างไร
ฮอร์โมนมีความสำคัญต่อระบบการทำงานของร่างกาย เมื่ออายุเริ่มเข้า 35 ปี ร่างกายจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ที่เห็นเด่นชัดสุดก็คือผิวพรรณ จะเริ่มรู้สึกผิวแห้งกร้าน ผิวหยาบ มีริ้วรอยบนใบหน้า ริ้วรอยตาข้อพับ เส้นคอ ข้อมือ ผิวไม่ชุ่มชื่น และจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า นอนไม่หลับ ระบบเผาผลาญทำงานได้น้องลงอีกด้วย
3 ฮอร์โมนที่สำคัญในแต่ละช่วงวัย หากบกพร่องไปอาจเกิดปัญหา
วัยทำงาน อายุ 23 - 45 : ฮอร์โมนดีเอชอีเอ (DHEAs) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นจากต่อมหมวกไต ซึ่งเป็นฮอร์โมนตั้งต้นที่ร่างกายนำมาผลิตฮอร์โมนสำคัญๆ เช่น ฮอร์โมนเพศ อย่าง เทสโทสเทอโรน หรือเอสโตรเจน โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะผลิตได้สูงสุดในช่วงอายุประมาณ 25 ปี และจะค่อยๆลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น วัยนี้เป็นวัยที่ควรจะมีความคล่องตัวสูง แต่หากใครมีปัญหาตื่นยากในตอนเช้า ตื่นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น สายๆ ก็เริ่มง่วง สมองไม่แล่น ต้องมีน้ำหวาน ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มคาเฟอีนมาเป็นตัวกระตุ้น จึงจะรู้สึกว่าอยู่ได้ แต่พอตกกลางคืนกลับตาสว่าง หลับยาก จนสามารถอยู่ถึงเช้าได้แบบสบายๆ หากใครมีอาการแบบนี้ อาจเป็นเพราะมีภาวะต่อมหมวกไตล้า หรือ Adrenal Fatigue ซึ่งสามารถตรวจวินิจฉัยได้ด้วยการวัดระดับฮอร์โมนดีเอชอีเอ (DHEAs) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากความเครียดในร่างกาย การตรวจจะช่วยชี้วัดความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพื่อการรักษาให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี และเพิ่มความสดใสในระหว่างวัน
วัยกลางคน อายุ 35 - 50 : ฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid) คือต่อมไร้ท่อที่อยู่บริเวณส่วนกลางลำคอ ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ใช้ในการเผาผลาญสร้างพลังงานเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อต่อมไทรอยด์มีการทำงานผิดปกติ ผลิตฮอร์โมนออกมาใจนำนวนที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ก็จะเกิดผลกระทบต่อร่างกาย และทำให้ระบบเผาผลาญผิดปกติ ไทรอยด์ต่ำแฝง มีแนวโน้มที่จะเกิดกับวัยกลางคนมากกว่าวัยอื่นๆ สาเหตุหลักมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอและความเครียด จนอาจกลายเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน ในบางรายที่ต้องการลดน้ำหนัก แม้ว่าจะรับประทานอาหารน้อยลง ออกกำลังกายก็แล้ว แต่น้ำหนักก็ยังไม่ยอมลงเสียที บางครั้งเป็นคนเฉื่อยชา คิดช้า หัวตื้อ สมองไม่ปลอดโปร่ง อาการเหล่านี้ก็อาจเป็นเพราะมีภาวะไทรอยด์ต่ำแฝง หากมีอาการตามข้างต้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจการเผาผลาญของร่างกาย ว่าเป็นภาวะไทรอยด์ต่ำแฝงหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
วัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน อายุ 40 - 60 : ฮอร์โมนเพศ (Testosterone และ Estrogen) เมื่อพูดถึงวัยทอง แน่นอนว่าจะต้องนึกถึงฮอร์โมนเพศ ซึ่งฮอร์โมนเพศหญิง หรือ Estrogen จะช่วยการทำงานของกระดูกและหัวใจ ส่วนฮอร์โมนเพศชาย หรือ Testosterone นอกจากเกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับอินซูลินและระดับน้ำตาลในเลือด ความสมดุลของอารมณ์ การนอนหลับ แต่อาการเริ่มแรกที่สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนไปของวัยทอง คือ อารมณ์แปรปรวน และ หงุดหงิดง่าย
ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) สำหรับวัยทองในเพศชาย เราจะพบว่าอะไรที่เคยตัดสินใจเฉียบขาด กลายเป็นลังเล รู้สึกห่อเหี่ยว ในด้านร่างกายก็จะอ้วน ลงพุงง่าย แต่หากฮอร์โมนลดลงก่อนวัยอันควร จะส่งผลกับกล้ามเนื้อ มวลกระดูก มีความเสี่ยงที่กล้ามเนื้อจะลีบเล็กลง กระดูกบางง่าย มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยเพศ และการมีเพศสัมพันธ์
วิธีการเพิ่มระดับฮอร์โมน ในผู้ชาย: ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียง เลือกรับประทานอาหารกลุ่มที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย เช่น Zinc หรือแร่สังกะสี เช่น หอยนางรม
ฮอร์โมนเพศหญิง ( Estrogen) สำหรับคุณผู้หญิง อาจมีอาการร้อนวูบวาบจากภาวะหมดประจำเดือน เหงื่อออกทั้งที่อากาศไม่ร้อน มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ รวมถึงมีความเสี่ยงที่กระดูกจะบางมากขึ้น เพราะมวลกระดูกลดลง กล้ามเนื้อไม่ค่อยแข็งแรง
วิธีการเพิ่มระดับฮอร์โมน ในผู้หญิง: กินอาหารที่มีเอสโจรเจนสูง เช่น น้ำมะพร้าว นมถั่วเหลือง
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท
หากผู้ที่มีอายุมาก ควรเข้ารับการตรวจฮอร์โมนเป็นประจำทุกปี ได้รับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม ให้ฮอร์โมนต่างๆในร่างกายสมดุล และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ก่อนที่ร่างกายจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็วและจิตใจจะห่อเหี่ยวจนไร้ความสุข